Sunday, October 16, 2022

ฮงเซียงกง คาเฟ่สุดคลาสสิค ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านตลาดน้อย

 


พอได้ยินชื่อว่า เซียงกง แล้วอาจจะไม่ค่อยนึกถึงว่ามันคือ คาเฟ่เก๋ ๆ อาจจะนึกไปถึง อะไหล่รถยนต์เก่า ๆ ก็นั้นแหล่ะครับ เพราะ คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ในย่านที่ขายอะไหล่เก่านั้นเลย ถนนหนทางเข้าไปนี่เรียกได้ว่ากลิ่นน้ำมัน กลิ่นสนิม ของอะไหล่เก่า ๆ ระหว่างทางนี่คละคลุ้งไปหมด แต่เมื่อมาถึงคาเฟ่นี้แล้ว บอกเลยว่า คนละโลกเลยครับ


ทางเข้าก็ประมาณนี้เลย สีน้ำเงินเข้ม ๆ โดดเด่นสุด ๆ




เข้ามาถึงแน่นอนครับก็สั่งเครื่องดื่มกันก่อนเลย มีทั้งเครื่องดื่มที่เป็นกาแฟ และไม่ใช่กาแฟครับ พร้อมกันนั้นก็เลือกเค้กสักชิ้นไปนั่งทานกันครับ มีให้เลือกอยู่เยอะประมาณนึงเลย น่ากินทั้งนั้นเลยแฮะ



นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ พวกคราฟเบียร์ให้ได้ดื่มกันด้วย ตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ บรรยากาศดี ๆ พร้อมกับดนตรีสดนั้นน่านั่งดื่มไม่เบาเลยล่ะครับ ฮ่า ๆ ๆ








เดินเข้ามาด้านในกว้างขวางมากครับ จากที่เห็นทางเข้าเป็นห้องแถวเล็ก ๆ เข้ามาข้างในนี่อีกโลกนึงเลย มีทั้งโซนในร่มและ กลางแจ้งริมแม่น้ำเลย แต่ช่วงเราไปคนเยอะ แดดกำลังแรงเลย ก็นั่งกันในร่มแล้วกันครับ แล้วค่อยออกไปถ่ายรูปกัน บอกก่อนเลยว่า มุมถ่ายรูปเยอะมากจริง ๆ







นั่งทานเครื่องดื่มและเค้กกันพอประมาณก็เดินสำรวจรอบ ๆ หามุมถ่ายรูปที่คาเฟ่กันครับ มุมกลางแจ้งก็จะทำเป็นสวนหย่อมเล็ก ๆ รวมเข้ากับตัวอาคารเก่า เรียกได้ว่าโบราณเลยแหล่ะ แล้วยังมีมุมริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะ ถ้าแดดร่มลมตกหน่อยรับรองว่า วิวสวยมากเลย


ก่อนกลับเราก็เดินโฉบขึ้นไปชั้น 2 ของคาเฟ่ ก็จะเป็นส่วนจัดแสดงของเก่าของสะสม ใครที่ชอบของเก่าก็คงจะเพลินไม่น้อยเลยทีเดียวครับ







สัมผัสธรรมชาติกลางกรุงเทพ กันที่ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง

 


โครงการ "ป่าในกรุง" เป็นศูนย์การเรียนรู้ของทาง ปตท. จัดทำขึ้นมาครับ ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวส นั้นเองครับ

การจะเข้าชมป่าในกรุงนั้นต้องติดต่อจองก่อนครับ โดยรายละเอียดการจองก็ตามนี้เลยครับ

รายละเอียดรอบการเข้าเยี่ยมชม
1. เปิดให้บริการเยี่ยมชม 2 รอบ/วัน
⏰รอบเช้า : 9.00 - 12.00 น.
⏰รอบบ่าย : 13.00 - 16.00 น.
2. จำกัด 50 ท่าน/รอบ

3. จองผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น ที่เบอร์ 06-13854414

หลังจากจองเรียบร้อยก็เดินทางไปป่าในกรุงกันได้เลย







ส่วนแสดงแรกที่เราเข้ามาจะได้พบเลยก็คือกำแพงดินครับ พื้นที่สวยงามเย็นสบายครับ ถ่ายรูปออกมาก็สวยงามเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นส่วนจัดแสดงให้ความรู้ เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ และห้องนิทรรศการด้วยครับ


วิวจากด้านบนกำแพงดินครับ มองเห็นหอคอยไฮไลท์ของ ป่าในกรุงอยู่ไกลออกไปครับ


เดินทะลุกำแพงดินออกมาก็จะเจอกับบึงน้ำครับ มีน้ำตกเล็ก ๆ ให้นั่งพักผ่อนฟังเสียงน้ำไหลกัน





ออกจากกำแพงดิน เราก็เดินตามเส้นทางขึ้นไปสู้ สกายวอร์ค เส้นทางเดินเข้าไปในป่า เพิ่มระดับความสูงไปเรื่อย ๆ พร้อมข้อมูลต้นไม้ระหว่างทาง แดดร้อนไปหน่อยตอนกลางวันพกหมวก พกร่มติดไปด้วยก็ดีครับ





เดินตามเส้นทางของ สกายวอร์คไปเรื่อย ๆ ก็จะไปถึงจุดไฮไลท์ของป่าในกรุงครับ หอคอย นั้นเอง จากบนหอคอยนี้จะมองเห็นภาพมุมสูงแบบ 360 องศาของพื้นที่ป่าในกรุงกันเลย อีกทั้งยังมองไปได้ไกล ๆ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเลยนะเอ้อ


ลงจากหอคอยก็ยังมีเส้นทางเดินด้านล่างเป็นสวนร่มรื่น พร้อมกับลำธารเล็ก ๆ ให้น้ำไหลเพิ่มความชื่นฉ่ำให้ป่าอีกด้วย


สุดท้ายก่อนกลับออกจากป่าในกรุงยังมีการแจกต้นไม้เล็ก ๆ ให้กลับไปปลูกกันที่บ้านอีกด้วยนะ รับน้อง ๆ ต้นไม้กลับไปแล้วก็ดูแลให้เติบโตงอกงามกันด้วยนะคร้าบบ

























Sunday, January 30, 2022

เมเปิ้ลแดง @ภูกระดึง


     อีกครั้งกับยอดเขารูปหัวใจ กับช่วงหนาวปลายปี ที่จะได้พบกับใบเมเปิ้ลสีแดงสวยงาม ใช่แล้วครับ ที่นี่ ภูกระดึง อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึงนั้นเอง

     5.5 กิโลเมตรที่ต้องผ่านซำต่าง ๆ ขึ้นมาจากตีนภูถึงหลังแป เป็นด่านทดสอบก่อนที่จะได้พบกับความสวยงามของยอดเขาแห่งนี้ครับ 

     หลังจากขึ้นมาแล้วเราก็จะเดินเที่ยวกันได้ตั้งกะเช้ายันค่ำเลยครับ ที่เที่ยวมีทั้งน้ำตก และหน้าผา อีกทั้งยังมีอาหารอร่อย ๆ รวมถึงหมูกะทะ ของโปรดของเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนให้ได้เลือกกินกันด้านบนนี้ด้วยครับ เราไปเริ่มกันเลยดีกว่าว่าเราไปเที่ยวกันที่ไหนบ้าง

    - เริ่มกันในตอนเช้าสำหรับคนที่ยังเหนื่อยล้าจากการเดินขึ้นยอดเขา ก็เน้นเดินใกล้ ๆ เบา ๆ เพียง 500-600 เมตร จากลานกางเต็นท์เท่านั้น ก็จะมาที่อ่างเก็บน้ำวังกวางครับ ดูพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงามไม่แพ้ที่ไหนเลย





        - หลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็จัดการหาข้าวเช้าทานให้เรียบร้อย แล้วเราก็จะเดินไปพบกับไฮไลท์ของเราในทริปนี้กันเลยกับใบเมเปิ้ลแดง ๆ กันที่ น้ำตกถ้ำใหญ่ครับ ใช้เวลาให้เต็มที่กับการเก็บภาพที่จุดนี้กันให้อิ่ม ๆ เลยครับ








    - หลังจากจุใจกับใบเมเปิ้ลกันแล้ว ก็เดินทางกันต่อครับ ระหว่างทางก็มีจุดให้แวะถ่ายรูปสวย ๆ กันได้ อย่างเช่นจุดทุ่งหญ้ากว้าง ๆ สุดลูกหูลูกตา



    - เดินมาได้ถึงเวลาประมาณเที่ยงวันเราก็มาแวะพักกันที่สระอโนดาตครับ สระน้ำขนาดใหญ่ที่มีร่มเงาของต้นสนให้ได้นั่งพัก บางคนที่เตรียมเสบียงมาก็จะแวะพักเติมพลังมื้อกลางวันกันที่นี่




    - เราไม่ได้เรียมเสบียงมื้อเที่ยงมา ก็เลยต้องเดินกันต่อ ไปฝากท้องกันที่ร้านค้าที่ผาเหยียบเมฆครับ จากนั้นก็ไปถ่ายรูปกันที่ริมผา ที่ดูเหมือนสูงระดับเหยียบอยู่บนก้อนเมฆได้ยังไงยังงั้นเลย



    - อิ่มแล้วถ่ายรูปเช็คอินสวย ๆ แล้วก็ต้องออกเดินกันต่อครับ ระหว่างทางก็แวะกับผาที่ไม่มีชื่อ แต่มีหินลักษณะคล้ายหัวเต่า ก็เรียกว่าหินหัวเต่าละกัน


    - และแล้วเราก็มาถึงผาสุดท้าย ผาที่ใคร ๆ มาภูกระดึงก็ต้องมาที่ผานี้เพื่อถ่ายรูปกับก้อนหินที่ยื่นออกไปเหนือหน้าผากับต้นสนที่สวยงาม พร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกกัน ณ ผาหล่มสัก นี้เอง





    - ตัดมาที่เช้าอีกวัน รวบรวมกำลังกายและใจ ตื่นเช้าท่ามกลางความหนาวเย็นและความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินเมื่อวาน ตื่นตั้งแต่ 4.30 น. เพื่อออกเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น





    - หลังจากนั้นเดินถ่ายรูปขากลับมาเรื่อย ๆ ถึงลานกางเต็นท์แล้วก็ เก็บข้าวของ ทานมื้อเช้า เป็นอันจบทริป ภูกระดึงครับ