สวัสดีคร๊าฟฟฟ ก็ไม่ต้องสาธยายอะไรมากครับ ชื่อกระทู้ก็บอกอยู่แล้วครับเพราะกระทู้รีวิวนี้ เราจะมากล่าวคำอำลา “ดอกพญาเสือโคร่ง” และต้อนรับเดือนแห่งสีชมพูกัน โดยผมและเพื่อนเดินทางไปชมดอกพญาเสือโคร่งช่วงวันที่ 24-26 มกราคมที่ผ่านมาครับ
ด้วยความที่เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนเริ่มทริป อยากไปชมพญาเสือโคร่ง อันลือชื่อ ในความสวยงามน่ามองเป็นยิ่งนักจึงเกิดทริปนี้ขึ้นครับ
แผนการก่อนเริ่มทริปแบบคร่าวๆ
- กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-ขุนแม่ยะ-อช.ห้วยน้ำดัง-ปาย-เชียงใหม่-ขุนช่างเคี่ยน-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ
- นั่งรถทัวร์ กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ลงอาเขตแล้วต่อรถตู้ เชียงใหม่ - ปาย แล้วขอลงกลางทางที่ด่านตรวจดอยแม่ยะครับ
- หารถเหมาขึ้นไปบน ดอยแม่ยะ เพื่อยลพญาเสือโคร่ง เป้าหมายหลักของทริปนี้
- โบกรถจากด่านแม่ยะไปลงปากทางอช. ห้วยน้ำดัง
- โบกรถจากปากทางอช.ห้วยน้ำดังขึ้นสู่ จุดชมวิว แล้วพักที่นี่ครับ
- วันถัดมาโบกรถลงจาก อช. ห้วยน้ำดัง เป้าหมายคือเข้าปายครับ
- ขึ้นรถตู้กลับเชียงใหม่ หลังจากนี่ เช่ามอเตอร์ไซค์ ล่อนทั่วเมือง แล้วกลับกรุงเทพฯ ค่ำวันจันทร์ครับ
แล้วเรามาดูกันครับว่าจะแผนทั้งหมดที่ถูกวางไปก่อนไปจะเป็นไปตามที่ ผมและเพื่อนได้วางแผนไว้รึเปล่า ... ?
เริ่มด้วยสถานที่แรกครับ ขุนแม่ยะ
ด่านตรวจแม่ยะอยู่ระหว่าง เส้นทางเชียงใหม่ (ฝาง) ถึง ปาย หรือ เส้น 1095 อันชวนคลื่นไส้นั่นแหละครับ โดยการที่จะขึ้นไปบนดอย ก็ต้องใช้รถกระบะขึ้นไปเท่านั้น ฝ่าดินแดง และฝุ่นตลบอบอวลระยะทางประมาณ 8 กิโลฯ ก็จะถึง หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ สถานที่ที่เราจะไปกันแล้วล่ะครับ …
โดยเราหารถกระบะที่มีพี่อีก 4 คนเหมารถอยู่แล้ว ก็ขอแจมตามระเบียบ ก็ต้องขอขอบคุณที่ทหารที่ด่านที่ใจดีช่วยจัดหาให้ครับ ก็ได้ราคาตกคนละ 200 บาทไทย
หลังจากถ่ายรูปจนอิ่มหนำสำราญกันแล้วก็ ถึงเวลากลับลงมาที่ด่านตรวจแม่ยะ เพื่อหารถไป อช.ห้วยน้ำดัง จุดๆ นี้หารถโบกง่ายครับ เพราะมีพี่ ตำรวจและทหารคอยช่วยเหลือ และระยะทางระหว่าง ด่านตรวจ จนถึง อช. ห้วยน้ำดังห่างกันเพียงแค่ 2 กิโลเมตร เท่านั้น และหลังจากนั้นก็มาขอติดรถนักท่องเที่ยวขึ้นอช. ห้วยน้ำดังต่อไปครับ
ตัดภาพมาที่ อช. ห้วยน้ำดังครับ แว้บบบบบบบบบบ ...
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เป็นสถานที่ชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นที่เรียกได้ว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ด้วยวิวที่เห็นดอยหลวงเชียงดาวแบบชัดเจน ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับทิวทัศน์อย่างยิ่งครับ บน อช. ห้วยน้ำดังก็มี ดอกพญาเสือโคร่ง นางเอกของทริปนี้ขึ้นอยู่ประปรายครับ แต่นาง ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของที่แห่งนี้ครับ เพราะที่แห่งนี้มี …
วิวแบบนี้
วิวพระอาทิตย์ตกแบบนี้
และทะเลหมอกในยามเช้าแบบนี้ครับ ท่านผู้ช๊มมมมมม
Panorama
สำหรับประสบการณ์บน ห้วยน้ำดัง เรียกว่ามีทั้งหลายที่สุดครับ
- อาบน้ำเย็นที่สุดในชีวิตครับ เรียกว่าน้ำที่นี่พิเศษครับ ผ่านการแช่ช่อง Freeze มาอย่างดีก่อนให้นักท่องเที่ยวอาบครับ น้ำโดนตัวนี่ ชาไปทั้งตัวเลยทีเดียว บรึ๋ยยยย
- การดูดาวสวยที่สุดในชีวิตครับ ด้วยความโชคดีของทริปนี้ครับ ทริปนี้ฟ้าใสตลอดทริป (ปกติไปไหนฟ้าก็ปิดบ้าง เปิดไม่เต็มบ้าง) ทำให้ครั้งนี้ได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้ามากมายยยย โอ้ย มันสวยครับ
- ทะเลหมอกที่สวยที่สุดครับ โอ้ยสุดจะบรรยาย ดูทะเลหมอกไป กินมันเผาไปเรียกว่าฟิน ฮาาาา
และเหตุการณ์ต่อจากนี้คือเราต้องเดินกลับไปเก็บเต้นท์ที่จุดกางเต้นท์ครับ เพื่อจะหาติดรถลงจาก จุดกางเต้นท์กลับไปยังปากทางห้วยน้ำดัง และนี่คือจุดที่ยากที่สุดสำหรับการเดินทางครั้งนี้ครับ เพราะเราต้องหาโบกรถเข้า อำเภอปาย ซึ่งนับว่าเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดสำหรับการโบกรถในทริปนี้ครับ (ประมาณ 30 กิโลเมตร) สำหรับการลงไปยังปากทางก็ไม่ได้ยากมากครับ ระหว่างเดินลงมาเรื่อยๆ (ระหว่างทางก็มีเถียงกันประปรายครับ ว่าจะรอโบกตรงไหนดี) มีพี่กระบะมาจอดเทียบข้างๆ และเปิดกระจกถามครับ
ผมและเพื่อน: พี่จะไปไหนครับ
พี่รถกระบะ: ปากทาง ไปมั้ย ไปโดดมาเล้ยยยย
ผมและเพื่อน: ขอบคุณคร๊าฟฟฟฟฟฟ
รออะไรล่ะครับ ขึ้นสิครับขึ้น แล้วเราก็โดดขึ้นกระบะที่เต็มไปด้วยของที่พวกพี่เค้ามากางเต้นท์ เต็มกระบะ ฮ่าาาา หลังจากลงรถก็ขอบคุณพี่เค้าตามระเบียบครับ
แล้วก็ถึงจุดยากที่สุดครับ ปากทางห้วยน้ำดังถึงปาย โดยจะขอติดรถกระบะที่ผ่านมา ไปลงที่ด่านตรวจแม่ยะ ก่อน เพราะน่าจะหารถไปง่ายกว่าตรงหน้าปากทางห้วยน้ำดังมาก และน่าจะมีผู้ใจดีรับขึ้นรถได้ง่ายยิ่งขึ้น แผนสำรองของเราคือถ้ามันหารถโบกไม่ได้จริงๆ ก็จะเรียกรถตู้จากปายมารับ แต่แผนแรกยังคงเป็นแผนหลักที่เราต้องยึดครับ นั่นคือหาโบกรถเข้าปาย ก็เดินเลาะๆ ทางไปเรื่อยๆ หาจุดที่รถพอ จะจอดรับเราได้ ไม่เกิน 10 นาทีผ่านไป สวรรค์ก็ส่งผู้ใจดีมาโปรด โบกครับโบก แล้วพี่เค้าก็เลี้ยวเข้ามาจอดทันที
ผมและเพื่อน: พี่ครับๆ ติดรถไปลงด่านตรวจแม่ยะได้มั้ยครับ
พี่รถกระบะ: ไปขึ้นมา
ผมและเพื่อน: ขอบคุณคร๊าฟฟฟฟฟฟ
ชั่วอึดใจ ชะแว้บ… ถึงด่านตรวจแม่ยะ ระหว่างลงจากรถมาเพื่อขอบคุณพี่เค้า
ผมและเพื่อน: ขอบคุณคร๊าฟฟฟฟฟฟ
พี่รถกระบะ: จะไปไหนกันล่ะ พี่เข้าปายไปด้วยกันไหม ?
ผมและเพื่อน: ครับ ผมก็จะเข้าปาย
พี่รถกระบะ: งั้นขึ้นมาเลยยยย พี่ยาวเข้าปายเลย
นี่แหละครับ สวรรค์ส่งผู้ใจดีมาโปรดของจริง จากสิ่งที่ว่ายากที่สุดก็กลายเป็นง่ายที่สุด
แถมระหว่างทางยังตะโกนถาม ให้พี่ไปส่งในเมืองปายเลยมั้ย พวกผมก็บอกเอาที่พี่ผ่านก็พอครับ พี่เค้าก็บอกงั้นลง ปั้ม ปตท. ละกันนะ สำหรับพวกผมแค่นี้ก็ซึ้งน้ำใจมากมายมหาศาล ยากจะหาคำใดมาเปรียบแล้วล่ะครับ
ผมทั้งสองคนต้องขอขอบคุณพี่ๆ รถกระบะทั้ง 4 คันมา ณ ที่นี้ และพิเศษที่สุดสำหรับพี่คนสุดท้าย รวมถึงครอบครัวพี่ ที่ใจดีให้ คนแปลกหน้า ที่โบกรถระหว่างทางติดกระบะมา ณ จุดหมาย ขอบคุณมากจริงๆ อีกครั้งครับ
และแล้วก็มาถึงปายครับเวลาประมาณเที่ยงครับ ผมกับเพื่อนก็ ตัดสินใจเช่ารถมอเตอร์ไซค์ กับราคา 100 บาทไทยต่อวัน ไม่รวมน้ำมันครับ โดยจองรถตู้รอบ 16:30 ไว้ เพราะฉะนั้นเรามีเวลาเที่ยวประมาณ 4 ชม.โดยประมาณ ครับ ก็ไปเที่ยว หมู่บ้านสันติชล (ใจอยากแวะวัดน้ำฮูครับ แต่วัดมีงาน คนเยอะมากคงไม่สะดวกที่จะเข้าไป) แวะทานอาหารร้านน้องเบียร์ครับ ข้าวซอยอร่อยใช้ได้เลยครับ สะพานประวัติศาสตร์ ไร่สตรอเบอร์รี่ Coffee in Love วัดหลวง แล้วก็ถึงเวลากลับเข้าเชียงใหม่ครับ การเดินทางโดยรถตู้ ระหว่าง ปาย- เชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง รถตู้จะหยุดแวะกลางทาง 1 รอบครับ ค่าโดยสารคนละ 150 บาทไทยครับ
หมู่บ้านสันติชล
สะพานประวัติศาสตร์
วัดหลวง
ตัดภาพมาที่เช้าอีกวันเลยดีกว่าครับ เช้าวันนี้แผนจาก กรุงเทพฯ ของเราคือ ไปขุนช่างเคี่ยนครับ โดยจะเช่ามอเตอร์ไซค์ วันนี้อาจจะไม่ได้เรียกว่า Backpack ครับ เพราะเรามียานพาหนะ แม้มันจะชวนเมื่อย ตูด ก็เถอะ
ผมกับเพื่อนก็คุยกันครับว่าจะเอาไงกับวันนี้ดี โดยเราตื่นกันประมาณ 9 โมง เข้าไปสืบ กรุ๊ป ดอกพญาเสือโคร่งในเฟสบุ้คครับ (https://www.facebook.com/groups/144831245670360/ ขอบคุณข้อมูลของทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ครับ) ก็เห็นว่าวันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม นั้นขุนช่างเคี่ยนมันเลยโรยแล้วล่ะ ก็เกิดความคิดเปลี่ยนแผน แล้วมันมีที่ไหนอีกล่ะ ตัวเลือกของ เราก็มี ดอยผาตั้ง ขุนวาง และ แม่ตะมาน สันป่าเกี๊ยะ โดยถ้าเราไปทางอินทนนท์ เรามีสิทธิ์ได้ไปทั้ง ดอยผาตั้ง และ ขุนวางครับ เราเลยเลือก ที่จะไป ดอยอินทนนท์กัน ก็เช่ารถมอเตอร์ไซค์ครับ ด้วยราคา 200 บาทไทยต่อวัน โดยที่ต้องคืนมอเตอร์ไซค์ก่อน 18:00 เพราะร้านปิดเวลานั้น เรียกว่าแผนนี้ทำเอาเรา 2 คน ห้ามมี ข้อผิดพลาดใดๆก็ตาม ต้องตามแผนเป้ะๆ ไม่งั้น … กลับรถทัวร์กรุงเทพฯ ไม่ทันรอบที่จองไว้ 20:30 เป็นแน่
ก็ขับมอเตอร์ไซค์กันมาครับ เรียกว่า หน้าชาเลยครับ กลับมากรุงเทพฯ หน้าผมนี่ดำเป็นกรอบแว่นเลย -_-’’
ก็แว้บบบ มาถึงดอยอินทนนท์ครับ ก็คุยกับพี่เจ้าหน้าที่ พี่ท่านก็บอกว่า ไปดอยผาตั้ง โลด โรยแล้ว แต่น้อยกว่าขุนวางซึ่งเริ่มโรยเยอะแล้ว ก็จัดสิครับบบบ แว้นต่อเนื่อง … ยาววววววไปจนถึงด่านตรวจ ดอยอินทนนท์ที่ 2 (ครับ อ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านที่เคยไปดอยผาตั้งมาแล้วน่าจะเดาออก)
ผมและเพื่อน: ดอยผาตั้งอีกไกลมั้ยครับ
พี่เจ้าหน้าที่: เลยมาแล้ว ขับกลับลงไปประมาณ 7 กิโลฯ
ผมและเพื่อน: O_o
เงิบบบบ กันไปครับ ก็แว้นซ์ลงมาต่อเพื่อไปเป้าหมายที่แท้จริงของเรา ก็มาถึงจุดหมายของเราครับ
พระตำหนักผาตั้ง
และแล้วที่เที่ยวสุดท้ายของผมกับเพื่อนครับ น้ำตกวชิรธารครับ แล้วก็แว้นซ์กลับเข้าเมืองเรียกว่าหน้าแห้ง หน้าชา ทันเวลาคืนรถพอดิบพอดี
และวีดีโอนี้เป็นสิ่งที่ผมและเพื่อนเดินทางผ่านไปตลอดทริปนี้ครับ
สรุปค่าใช้จ่าย (ราคาสำหรับ 2 ท่าน)
- ค่ารถทัวร์ไปกลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 2,259 บาท
- ค่ารถตู้ไปกลับ เชียงใหม่-ปาย 600 บาท
- ค่ารถขึ้นดอยแม่ยะ 400 บาท
- ค่าเข้าอช. ห้วยน้ำดัง 40 บาท
- ค่ากางเต้นท์บน อช. ห้วยน้ำดัง 60 บาท
- ค่าอาหาร น้ำตลอดทริป 1,060 บาท
- ค่าน้ำมันมอเตอร์ไซค์ ตลอดทริป 190 บาท
- ค่ารถแดงในเมือง 250 บาท
- ค่าเข้าดอยอินทนน์ 2 คน รวมยานพาหนะ 100 บาท
- ค่าที่พักในเมือง 700 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 5,659 บาท ตกคนละ 2,829.50 บาท
ฝากติดตามพวกเราได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/PaiiPaLa