หลายคนบอกว่า อยากเที่ยวแต่เงินก็ไม่ค่อยมี
เวลาก็ไม่ค่อยจะว่าง งั้นลองมาดูทริปนี้กันครับ เที่ยวกันแบบประหยัด ๆ ใกล้ ๆ
กรุงเทพนี่แหล่ะ
ทริปนี้เป็นทริปวันเดียวไปเช้า
เย็นกลับกับการเที่ยวเมืองเก่า “พระนครศรีอยุธยา” ครับ
จากที่บอกไว้แล้วว่างบเบา ๆ เพราะงั้นก็ต้องเดินทางด้วยรถไฟครับ
ต่อด้วยเช่ารถมอเตอร์ไซด์แว๊นซ์เที่ยวทั่วเกาะกันเลย
เริ่มต้นเดินทางที่หัวลำโพงด้วยรถไฟ จากที่ผมตั้งใจว่าจะขึ้นรถไฟรอบ
8.20 น. แต่ไปถึงหัวลำโพง 8.25 น. เจ้าหน้าที่บอกรถออกไปแล้ว รอบต่อไป (ขบวน 201 กรุงเทพ – พิษณุโลก) 9.25 น. เป็นรอบรถไฟฟรีด้วย
ก็ตกลง แต่ !!! กว่าล้อจะหมุน 10.05 น.
รถไฟวิ่งมาถึงชุมทางบางซื่อ เวลาประมาณ 10.30
น. รถจอดอีกประมาณ 20 นาที เพื่อรอขบวนด่วนไปก่อน (ขบวน 71 กรุงเทพ – ศรีสะเกษ ซึ่งออกจากหัวลำโพง 10.05 น. ตามกำหนด) มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาบอกว่า
ใครจะไปอยุธยา เปลี่ยนไปขบวน 71 ได้นะ ลงไปซื้อตั๋ว 20 บาทเพราะจะไปถึงก่อน ผมก็เลยตัดสินใจ
เปลี่ยนขบวนก็ได้ แค่นั่งบนรถไฟเฉย ๆ ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่ถึงไหนเลย
ความคลาสสิคสุด ๆ ของรถไฟไทย ><”
รถไฟวิ่งมาจะถึงสถานีรังสิต
มีเสียงลมฟรี้ดดดดดดดดดดดดดด ดังมาก สักพักหนึ่งขบวนรถก็จอด
ทุกคนบนขบวนต่างงงกันว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงตอบกลับมาว่า “รถไฟยางแตก” ฮ่า ๆ ๆ (จริง ๆ แล้วคืออุปกรณ์อะไรสักอย่างเกี่ยวกับการเปิด -
ปิดประตู ทำให้ประตูตู้ที่ผมยืนมานั้นเปิดไม่ได้ ต้องเดินไปลงตู้อื่น)
และแล้วก็มาถึงอยุธยาสักที
เวลาที่มาถึงก็เที่ยงวันแล้ว (นั่งตั้งกะ
9.25 น. เวลาที่ควรจะถึงต้อง
11 โมงกว่า ๆ ช่างคลาสสิคจริง ๆ รถไฟไทย)
มาถึงก็เดินหาร้านเช่ามอเตอร์ไซด์เลย
อยู่ไม่ไกลเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ข้ามถนนก็เจอแล้ว ราคาวันละ 150 บาท
พร้อมน้ำมันเต็มถัง ตอนคืนรถก็ต้องไปเติมน้ำมันกลับมาให้เต็มถัง (คืนก่อน 18.00
น.) หรือใครชอบปั่นจักรยานก็เช่าจักรยานปั่นได้
หรือจะนั่งเรือข้ามฟากไปเช่าจักรยานอีกฝั่งนึงก็มีเหมือนกัน (ค่าเรือข้ามฟาก 5
บาท)
ได้รถมอเตอร์ไซด์ปุ๊ป
ก็ออกซิ่งเลยด้วยความหิวเลยมุ่งตรงไปที่วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดแรก
เพราะถามจากร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ว่าที่ไหนมีก๋วยเตี๋ยวเรือกิน
เจ้าของร้านบอกหน้าวัดใหญ่มี อ้อ ตอนเช่ารถทางร้านจะให้แผนที่มาพร้อมกับอธิบายเส้นทางให้ด้วย
จากนั้นก็ซิ่งข้ามฟากไปยังวัดโลกยสุธาราม
วัดนี้จะมีพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) องค์ใหญ่ที่สุดในอยุธยา
ซิ่งต่อข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่งหนึ่งมาที่วัดไชยวัฒนาราม
(วัดนี้เสียค่าเข้าชม 10 บาท สำหรับคนไทย) วัดนี้ ยอดเจดีย์และยอดปรางค์สวยมาก
บริเวณกว้างขวาง แต่แดดก็ร้อนมากเช่นกัน
ขับกลับเข้ามาในเกาะ ไปยังวัดพระศรีสรรเพชญ์ (วัดนี้เสียค่าเข้าชม
10 บาท สำหรับคนไทย) วัดนี้จะมีเจดีย์ 3 องค์ที่สวยงามเป็นไฮไลท์
บริเวณในเกาะนี้ จะมีวัดต่าง ๆ มากมายเลย ทำให้ผมขับหลงเหมือนกันเพราะมองไปทางไหนก็คล้าย ๆ
กันไปหมด ไม่รู้วัดไหนเป็นวัดไหน ขับผ่านแล้วยังไม่รู้เลยว่าเป้นวัดที่จะไป ฮ่า ๆ
ๆ แล้วยังมีช้างเดินอยู่ตามถนนค่อนข้างเยอะ
ซึ่งเป็นช้างที่ให้นักท่องเที่ยวนั่งชมเมือง
ซึ่งส่วนใหญ่เป้นชาวต่างชาติที่นั่งช้างชมเมือง
วัดสุดท้ายที่ผมไปคือวัดมหาธาตุ (วัดนี้เสียค่าเข้าชม 10 บาท สำหรับคนไทย)
วัดนี้มีไฮไลท์คือเศียรพระในรากต้นโพธิ์ วันที่ผมไปมีคณะทัวร์ไปค่อยข้างเยอะ
ทั้งฝรั่ง ทั้งจีน และที่เยอะไม่แพ้กันคือญี่ปุ่น
ผมถ่ายรูปอยู่แถวเศียรพระอยู่ได้ยินเสียคนญี่ปุ่นเข้ามาเห็นต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ซุโก้ย !!!”
ออกจากวัดก็ห้าโมงเย็นกว่า
ๆ แล้วก็ไปแวะซื้อโรตีสายไหมสักหน่อยของขึ้นชื่อของที่นี่ ซึ่งแถวโรงพยาบาล
จะมีร้านโรตีสายไหมเยอะมาก ก็เลือก ๆ ซื้อกันได้เลย
จากนั้นก็ซิ่งไปเติมน้ำมันแล้วก็คืนรถ แล้วก็ไปรับตั๋วรถไฟกลับกรุงเทพรอบ 18.47 น.
รอบนี้รถไฟฟรี
สรุปค่าใช้จ่าย
-
รถไฟ 40 บาท
-
อาหารกลางวัน 120 บาท
-
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซด์
150 บาท
-
ค่าน้ำมัน 28 บาท
-
ค่าเข้าวัด 60 บาท
-
ค่าน้ำ + ขนม 100 บาท
(ช่วงรอรถไฟ เดินออกจากสถานีรถไฟ ข้ามถนนเดินไปทาง Lotus express แถวนั้นมีร้านขายก๋วยเตี๋ยว ขนม นม น้ำ เยอะพอสมควร)
รวมค่าใช้จ่าย 498 บาท หาร 2 คนก็ 249 บาท จบทริปสั้น
ๆ งบเบา ๆ ครับ
ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบครับ
ติดตามพวกเราต่อได้ที่ https://www.facebook.com/PaiiPaLa
หรือ twitter : @PaiPaLaa
No comments:
Post a Comment